บริษัทไฟฟ้ากำลังเผชิญกับประเด็นร้อนที่เป็นที่ถกเถียงกันในวงกว้างนั้นคือ ประเด็นในเรื่องของการเปลี่ยนถ่ายจากเชื้อเพลิงฟอสซิลเป็นพลังงานหมุนเวียน เนื่องจากว่าในทศวรรศนี้ ปัญหาสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างหนัก ส่งผลต่อความสนใจในเรื่องของความยั่งยืนในทุกวงการ รวมถึงวงการพลังงาน
ซึ่งคำถามและความสงสัยที่เกิดขึ้นคือ ความพยายามและความจริงใจของรายใหญ่ที่ตั้งใจจะเปลี่ยนแปลงและปรับตัวมากแค่ไหน?
บทบาทของบริษัทไฟฟ้า
หลังจากยุคการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่สอง บทบาทของไฟฟ้าก็มีอยู่ในชีวิตประจำวันของคนเรามากขึ้น และยังมีส่วนช่วยให้เทคโนโลยีนั้นเติบโตแบบก้าวกระโดดถ้าหากเทียบจากยุคหิน แต่เหรียญนั้นมี 2 ด้านเสมอ ด้วยการเติบโตที่มากขึ้น การเร่งการผลิตให้เพียงพอต่อการใช้งานนั้นเพิ่มขึ้นและผลกระทบจากการผลิตนั้นก็เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน จนมาถึงยุคดิจิตัลที่สภาพอากาศนั้นเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง สังคมเริ่มตั้งประเด็นหาทางออกสำหรับการพัฒนาของโลก และควบคู่ไปกับความยั่งยืน และด้วยประเด็นนี้เอง บริษัทไฟฟ้าจึงถูกเพ่งเล็งว่ามีความมุ่งมั่นหรือความตั้งใจขนาดไหนที่จะปรับปรุงให้รับมือกับปัญหาใหญ่นี้
การปรับปรุงสู่ความยั่งยืนอย่างค่อยเป็นค่อยไป
ในขณะที่บริษัทผลิตไฟฟ้าหลายแห่งเริ่มให้ความสำคัญกับการปรับตัวให้การผลิตพลังงานนั้นเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่าเดิม แต่ก็ยังมีคนหลายกลุ่ม นักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมหลายคนลงความเห็นว่าสิ่งที่บริษัทไฟฟ้านั้นยังเร็วไม่พอ และอีกคำถามที่ยากที่จะตอบก็คือ บริษัทไฟฟ้านั้นลงทุนในพลังงานหมุนเวียนเพื่อระยะยาวจริง ๆ หรือเพียงเพราะทำเพื่อรักษาภาพลักษณ์ให้ดูว่ารักษ์สิ่งแวดล้อม ทั้งที่จริงแล้วก็ยังใช้เชื้อเพลิงจากฟอสซิลจำนวนมากอยู่ดี
การตระหนักถึงปัญหาในสาธารณะชน
สิ่งที่สาธารณชนได้รับรู้มานั้น เป็นข่าวที่ไม่ผ่านสำนักข่าวที่มีบริษัทใด ๆ จะสามารถควบคุมสื่อได้ตามใจชอบเหมือนเมื่อก่อน ทำให้สายตาที่มองไปถึงบริษัทไฟฟ้านั้นเต็มไปด้วยความคาดหวังถึงความรับผิดชอบจากองค์กร ไม่ใช่เพียงแค่บริษัทไฟฟ้า แต่ในภาคอุตสาหกรรมอื่นก็เช่นกัน เนื่องจากผู้บริโภคนั้นตระหนักถึงปัญหา และต้องการตัวเลือกของสิ่งที่ตัวเองจะบริโภคนั้น เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมหรือเปล่า บริษัทไฟฟ้าจึงได้รับความกดดันอย่างหนักในการใช้ทรัพยากรหมุนเวียนมาเป็นเชื้อเพลิง แต่ว่าองค์กรต่าง ๆ นั้นตอบรับความคาดหวังจริง ๆ หรือเพียงแค่ขายผ้าเอาหน้ารอดไปเท่านั้น
ต้นทุนของการเปลี่ยนแปลงมาเป็นพลังงานหมุนเวียน
เอาเข้าจริงแล้วต้นทุนของการเปลี่ยนมาใช้พลังงานหมุนเวียนนั้นไม่ได้เปลี่ยนง่าย ๆ เหมือนเปลี่ยนรถดีเซลล์เป็นรถไฟฟ้า เพราะเนื่องจากต้นทุนของเทคโนโลยีพลังงานสะอาดนั้นอยู่ในระดับที่เรียกว่า”สูง”
และนี่ก็เป็นอุปสรรคอย่างหนึ่งที่บริษัทไฟฟ้านั้น อยากให้สาธารณชนรับรู้ และเข้าใจ แต่อย่างไรก็ตามแล้วนั้นในระยะยาวพลังงานหมุนเวียนนั้นนับว่าให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า ทั้งต่อโลกและต่อตัวบริษัทเอง
สรุป
การเปลี่ยนแปลงปรับตัวเพื่อหันมาสนับสนุนการใช้พลังงานหมุนเวียน เป็นประเด็นร้อนที่ถูกนำมาถกเถียงกันเรื่อยมา ในขณะที่ปัญหาสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง บริษัทไฟฟ้าจำเป็นต้องก้าวข้ามความท้าทาย โดยเฉพาะจากผู้คนที่กำลังจับตามอง และยังคงมีคำถามอยู่ในใจว่า บริษัทไฟฟ้านั้นพยายามแล้วหรือไม่
